วันพฤหัสบดี, มกราคม 19, 2560

โปเกมอนโกกับการลงทุน

โปเกมอนโกกับการลงทุน


หลังจากห่างหายจากตลาดหุ้นไปซักพัก เนื่องจากภารกิจด้านการงานและการใช้เงินออมที่สะสมมาในการเคลียร์หนี้สินจากการซื้อบ้าน ผมจึงค่อยมีเวลาและมีสรรพกำลังพอที่จะลงเริ่มลงทุนใหม่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคิดว่าคงจะสามารถลงทุนได้อย่างต่อเนื่องนับจากวันนี้

กลับมาทบทวนตัวเองอีกในปีที่ผ่านมา ผมพบว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องปรับปรุงอีกมากในการลงทุน

เริ่มต้นที่ทัศนคติหรือความเชื่อ บ่อยครั้งที่พอเราได้ยินหรือได้ฟังข่าวสาร เหตุการณ์ หรือกระทู้ต่างๆเกี่ยวกับหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง หรือการมองดูกราฟราคาและโวลุ่มซื้อขายที่ดูน่าเป็นใจซะเหลือเกิน ด้วยเหตุผลทางจิตวิทยาก็ดี หรือเหตุผลทางอารมณ์ก็ดี มักจะทำให้เรา "อดรนทนไม่ได้" ในการที่จะกระโจนเข้าไปซื้อหุ้นติดไม้ติดมือมาซักหน่อย ทั้งๆที่ตัวเราเองนั้นอาจจะยังไม่มีความรู้ต่อหุ้นตัวนั้นที่ดีเพียงพอ ซึ่งผมพอจะยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นได้ชัดเจนกับเจ้าเกมส์ยอดฮิตเกมส์หนึ่ง

ปี 2016 ที่ผ่านมา แน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จักเจ้าเกมส์โปเกมอนโก ที่มียอดดาว์นโหลดถล่มทลาย เพราะเป็นเกมส์ที่มีการเชื่อมโยงระหว่างโลกเสมือนจริงและโลกแห่งความจริงเข้าด้วยกัน และยังสามารถใช้ประกอบในการทำกิจกรรมเดินออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี
หลักการเอาชนะเกมส์โปเกมอนโกคือเราต้องสามารถ "จับ" โปเกมอนที่มีพลังสูงด้วยการตามหาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งทำการรวมกลุ่มเพื่อ "ตียิม" ซึ่งจะทำให้เราได้เหรียญจากการเป็นเจ้าของยิมมาเพื่อซื้อไอเท็มต่างๆเพื่อเสริมสร้างโปเกมอนที่มีอยู่หรือหาโปเกมอนใหม่ๆได้ดีขึ้นไปเรือยๆ
ซึ่งการที่จะรักษายิมที่ตีเอาไว้ได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาพวกที่เป็นสีเดียวกันมารักษาถิ่นฐานและมอบหมายให้โปเกมอนที่มีความแข็งแกร่งเฝ้ารักษายิมเอาไว้ให้ได้เพื่อจะได้สะสมเหรียญได้มากขึ้นๆ

หากเปรียบกับการลงทุน การที่เราจะสามารถชนะการลงทุนได้นั้น พื้นฐานเบื้องต้นเราจะต้องเข้าใจก่อนว่า "อะไรคือสิ่งที่ทำให้เรากำไรจากการลงทุนและไม่ทำให้เราขาดทุน" ซึ่งส่วนประกอบของตลาดหุ้นโดยหลักๆนั้น ประกอบไปด้วย

1. บริษัทจดทะเบียน
2. คนซื้อ
3. คนขาย

ในบทความนี้ ผมจะเน้นไปที่ข้อ 1 ก่อนนะครับ โดยหากเปรียบกับการตียิมในเกมส์โปเกมอนโก เราจะต้อง "รู้เขา" และ "รู้เรา" รู้เขาก็คือ รู้ว่าโปเกมอนที่เราจะเข้าไปตีนั้นมีเลเวลสูงเท่าไหร่ เป็นโปเกมอนธาตุอะไร ดังนั้นจึงกลับมาสำรวจตัวเราว่า โปเกมอนของเรามีเลเวลและธาตุที่เหมาะสมในการต่อสู้หรือไม่ จึงจะสามารถทำให้เรามีชัยในการตียิมกลับมา

แต่เมื่อลองมาทบทวนดูสาเหตุที่ "แมงเม่า" หลายคนซื้อขายหุ้น เราจะพบว่าบ่อยครั้งนักที่แมงเม่าเจ็บตัวเพราะ "ไม่รู้เขาและไม่รู้เรา" หรือสอดคล้องกับเพลงของพี่ป้อปและพี่ดา "ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ" ... เกี่ยวกันรึเปล่า...

ในความเห็นส่วนตัวผมเพิ่งที่เข้าใจแบบลึกซึ้งของคำว่า "อย่าโลภเกินความรู้" และคำว่า "สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ สมควรที่จะได้รับผลตอนแทนมากกว่าค่าเฉลี่ยในตลาดหุ้นหรือไ่ม่" ยกตัวอย่างเช่น หากวันๆเราเอาแต่ตามกระทู้หุ้นหรือตามข่าวหุ้นแบบฉาบฉวยซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ใครๆก็ทำและเลียนแบบได้ง่าย ตามตรรกะแล้ว มันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เราจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด เพราะเมื่อทุกๆคนทำได้ เราก็ไม่สมควรที่จะมีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย

ในระยะยาวแล้ว การทำกำไรจากหุ้นย่อมมาจากการที่ราคาหุ้นสูงขึ้นไปกว่าต้นทุนที่เราซื้อ ดังนั้นมีประเด็นหลักๆที่เราต้องตอบให้ได้ก่อนจะซื้อหุ้นคือ

1. บริษัทที่เราจะลงทุนนั้นกำไรจะเป็นอย่างไรในอีก 3 - 5 ปีข้างหน้า
2. อะไรคือปัจจัยเสี่ยงและโอกาสของบริษัท ซึ่งมีผลต่อความสามารถในการทำกำไร
3. ราคาเป้าหมายที่เหมาะสมคือเท่าไหร่

ในการจะสร้างความได้เปรียบในการลงทุนนั้น หากเราต้องการชนะมาก เราต้องมีควาามรู้มาก และความรู้ที่จำเป็น หาใช่ข่าวสารที่บินไปบินมามากมายในแต่ละวันเพียงอย่างเดียว หากแต่เราต้องมีความรู้ในข้อ 1 และของ 2 เตรียมพร้อมไว้ก่อนต่างหาก หลังจากนั้น "ข่าวสาร" ถึงจะสร้างประโยชน์ให้เราเมื่อราคาหุ้นนั้นยังไม่สะท้อน

ยกตัวอย่างเช่น หากเรารู้ว่าบริษัทๆหนึ่งมีรายรับที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศในสัดส่วนที่มากและยังไม่ได้ทำการประกันอัตราแลกเปลี่ยนไว้ ครั้นเมื่อเราได้ทราบข่าวแนวโน้มค่าเงินบาทอ่อนตัวลงในระยะยาว เราจึงสามารถผนวกกับความรู้ที่เรามี สร้างความได้เปรียบขึ้นมาด้วยการประเมินกำไรของบริษัทเทียบกับราคา ซึงหากราคายังไม่สะท้อน เราก็สามารถทำกำไรด้วยการซื้อหุ้นตัวนั้นก่อน

แต่อนิจจา น่าเสียดายที่ในวันนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่กลับติดตามข่าวทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าจะสร้างความได้เปรียบจากฝูงชนจากการเสพข่าวอย่างมากมายได้เช่นไร

เปรียบเสมือนกับการเฝ้ามองดูสถานการณ์แล้วบอกกับตัวเองว่า "เมื่อไหร่จะมีสงครามเกิดขึ้นซักที ชั้นจะได้ถือคัทเตอร์ไปฟาดฟันกับเอ็ม 16"

ดังนั้น ทางรอดของเราก็คือ การเสริมสร้างความรู้ทีละน้อยโดยเริ่มศึกษาธุรกิจของบริษัทในตลาดและติดตามผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง วิธีนี้อาจเป็นวิธีที่ไม่สามารถทำกำไรได้ในระยะเวลาอันสั้นสำหรับผู้เริ่มต้น แต่รับประกันเลยว่า สำหรับผู้ที่ลงแรงและเวลาอย่างต่อเนื่อง เค้าจะสามารถเป็นผู้ชนะในระยะยาวได้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเค้านั้น โลภพอๆกับความรู้ ครับ