จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่า การลงทุนแบบ Value Investment นั้นดูจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปนี้เป็นความคิดเห็นของผมในการมองลักษณะผู้คนที่เรียกตัวเองว่า VI ผ่านเว็บ Thaivi ว่าสามารถจัดแบ่งประเภทของกลุ่มนักลงทุนเหล่านั้นออกเป็นสายๆได้อย่างไรบ้าง ซึ่งอาจจะมีการแบ่งกลุ่มแบ่งสำนักแตกต่างจากท่านอื่นๆนะครับ
สายที่ 1: เน้นทรัพย์สินมาก
ผมคิดว่านักลงทุนที่เหมาะกับสายนี้ จะต้องเป็นนักลงทุนที่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ค่อนข้างดี ชอบความปลอดภัย ในบางครั้งอาจจะต้องซื้อแล้วรอ เพื่อให้มูลค่านั้นปลดปล่อยออกมา (หรืออาจจะซื้อแล้วลืม ทิ้งไว้เป็นมรดกไปเลย) รวมทั้งการรอให้ราคานั้นมีความปลอดภัยค่อนข้างมากดังนั้น หากนักลงทุนเลือดร้อนที่ต้องการความสำเร็จในระยะสั้น การลงทุนในแนวนี้อาจจะไม่เหมาะ เพราะอาจจะทนรอไม่ไหวจนต้องขายขาดทุนไป
สายที่ 2: เน้นกำไรแบบก้าวกระโดดใน 1-2 ปี
นักลงทุนที่เหมาะกับสายนี้จะต้องเป็นนักลงทุนที่มีเวลาค่อนข้างมากเพื่อทำให้ตัวเองนั้นมีความรู้ความเข้าใจ มีข้อมูลข่าวสารเหนือคนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประมาณการกำไรในอนาคต เพราะเค้าจะสามารถเข้าถึง "สาเหตุของกำไร" ได้อย่างดีและจะต้องมีความมั่นใจค่อนข้างสูงว่าเค้านั้นจะเป็นคนแรกๆที่รู้ตัวก่อนว่า "สาเหตุของกำไร" มีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไร เพื่อจะได้ "ซื้อ" และ "ขาย" ก่อนนักลงทุนรายอื่นๆ แต่หากเป็นนักลงทุนมือใหม่ที่ยังไม่มีความเข้าใจ "ข่าว" หรือ "สาเหตุของกำไร" ที่เขาทราบนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ล่าช้ากว่านักลงทุนผู้ชาญฉลาด ทำให้ต้นทุนในการซื้อนั้นสูง และยังไม่สามารถรู้ได้ว่า เมื่อไหร่ที่เค้าสมควรจะขาย เพราะเค้าไม่สามารถเข้าถึงและไม่สามารถเข้าใจ "สาเหตุของกำไร" ได้อย่างแท้จริง ตัวอย่างที่พบเห็นอยู่ตาม webboard ของ Thaivi ที่ผ่านมาก็เช่น กระทู้การขาดทุนหุ้น TRC ที่เป็นหุ้นโครงการและประสบปัญหาขาดทุนทำให้ราคาหุ้นตกลงอย่างหนัก
สายที่ 3: เน้นความปลอดภัยของเงินต้นและเงินปันผล
นักลงทุนสายนี้ควรจะต้องเป็นนักลงทุนที่มีความสามารถในการอ่านงบการเงินได้ค่อนข้างดี รวมถึงการอ่านค่า ratio การทำกำไรและงบกระแสเงินสด นักลงทุนที่เหมาะสม จึงควรเป็นผู้ที่มีความรู้ทางบัญชีเพื่อที่จะสามารถกรองหุ้นที่มีความปลอดภัยจากหนี้สินรวมถึงปริมาณกระแสเงินสดและยังต้องสามารถประมาณราคาได้อย่างดีและมีความอดทนในการรอและซื้อหุ้นในจังหวะทีมีราคาที่มีส่วนลดมากๆ เพื่อเป็นการสร้างกำไรให้งอกเงยได้โดยไม่เสี่ยง
สายที่ 4: เน้นศักยภาพและการเติบโตที่ยั่งยืน
นักลงทุนกลุ่มนี้จะมองศักยภาพของธุรกิจและ business model เป็นหลัก ว่าหุ้นตัวที่เขาต้องการนั้น จะยังสร้างกำไรที่ดีได้ในอนาคต 3-5 ปี หรืออาจจะ 10 ปีได้หรือไม่ ดังนั้น นักลงทุนที่จะประสบความสำเร็จในสายนี้ ควรจะเป็นนักลงทุนที่มีความสามารถในการอ่านและทำนายพฤติกรรมและ trend ในอนาคตของธุรกิจต่างๆได้เป็นอย่างดี
ผมจึงลองสรุป VI ทั้ง 4 สายตามจุดแข็ง, ผลตอบแทน และความเสี่ยงได้ดังนี้ครับ
สายที่ 1: เน้นทรัพย์สินมาก
จุดแข็งที่นักลงทุนต้องมีคือ: ความสามารถในการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ที่ซ่อนอยู่และมีความอดทนในการรอ
ผลตอบแทน: น้อยช่วงแรกแต่จะพุ่งมากที่สุดเมื่อทรัพย์สินที่ซ่อนอยู่ถูกปลดปล่อยออกมา
ความเสี่ยง: เวลาในการรอคอยอาจไม่คุ้มกับค่าเสียโอกาส
สายที่ 2: เน้นกำไรแบบก้าวกระโดดใน 1-2 ปี
จุดแข็งที่นักลงทุนต้องมีคือ: รู้ต้นตอ "สาเหตุของกำไร" ที่จะเกิดขึ้นอันใกล้นี้ก่อนคนอื่นและมีเวลาติดตามอย่างใกล้ชิด
ผลตอบแทน: สูงมากและสามารถทำได้ในระยะสั้น
ความเสี่ยง: การประมาณกำไรพลาด, รู้ "สาเหตุของกำไร" ช้ากว่าคนอื่น, ต้องหาตัวใหม่ๆลงทุนอยู่เสมอๆ
สายที่ 3: เน้นความปลอดภัยของเงินต้นและเงินปันผล
จุดแข็งที่นักลงทุนต้องมีคือ: การวิเคราะห์งบโดยเฉพาะงบกระแสเงินสดและความเข้าใจในธรรมชาติของธุรกิจ
ผลตอบแทน: ปานกลางแต่ค่อนข้างมั่นคง
ความเสี่ยง: การวิเคราะห์ผิด, สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปอาจะทำให้ความปลอดภัยที่เคยมีหายไป
สายที่ 4: เน้นศักยภาพและการเติบโตที่ยั่งยืน
จุดแข็งที่นักลงทุนต้องมีคือ: ความสามารถในการอ่าน trend และธุรกิจที่จะเติบโตในอนาคต
ผลตอบแทน: อาจจะน้อยในช่วงแรกแต่จะมากขึ้นๆตามศักยภาพของกำไรที่ถูกปลดปล่อยออกมา
ความเสี่ยง: การอ่าน trend พลาดและการซื้อหุ้นในราคาที่มี Margin of safety น้อยเกินไป
โดยสรุปก็คือ นักลงทุนควรจะต้องรู้จักตัวเองก่อนว่าตัวเองเหมาะกับสไตล์การลงทุนแบบไหน โดยอาจพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่นเวลาและเครือข่ายที่มี เช่น หากเป็นนักลงทุนเต็มเวลาการเลือกแนวทางสายที่ 2 น่าจะเหมาะ เพราะสามารถมีเวลาสร้างเครือข่ายและเข้าถึงข้อมูลได้ดี ในขณะที่นักลงทุนไม่เต็มเวลาควรจะหลีกเลี่ยง
ในส่วนตัวของผมแล้ว ยังเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ เพราะเข้าตลาดมาเพียง 3 ปีกว่าๆ และยังไม่ใช่นักลงทุนเต็มเวลาที่สามารถ monitor ข้อมูลข่าวสารหรือ trend ทางธุรกิจได้ก่อนคนอื่นๆ แต่มีความรู้พื้นฐานด้านบัญชีและจบ MBA ผมจึงคิดว่าแนวทางที่เหมาะสมในการจัดพอร์ตของตัวเองน่าจะเป็น
เน้นสินทรัพย์มาก: 20% หวังผลตอบแทนเป็นก้อนใหญ่ๆในระยะยาว
เน้นกำไรก้าวกระโด 1-2 ปี: 0% ไม่มีเวลาติดตามข้อมูลเชิงลึก กลัวความเสี่ยงเพราะรู้น้อยกว่าคนอื่นๆ
เน้นความปลอดภัย: 60% สามารถวิเคราะห์งบและอัตราส่วนต่างๆได้ดี
เน้นศักยภาพอนาคต: 20% พอจะมอง mega trend ได้บ้าง แต่รอซื้อตอนตลาดตกใจ
อย่างไรก็ดีผมเชื่อว่า หุ้นทุกตัวมักจะเป็นหุ้นที่มีลักษณะผสมผสานกันทั้งสี่แบบ เพียงแต่ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ที่สภาพแวดล้อมแตกต่างกัน ความโดดเด่นของหุ้นแต่ละตัวนั้นจะแสดงออกมาเพียง 1 สายที่โดดเด่นจริงๆ
ในความเห็นของผมคิดว่า นักลงทุนหน้าใหม่ส่วนมาก ชอบที่จะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วโดยการมองหาหุ้น "VI" โดยทึกทักเอาว่า หุ้น "VI" คือหุ้นที่นักลงทุนหุ้นคุณค่ากำลังนิยมในขณะนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ ซึ่งโดยส่วนมากหุ้นที่ได้รับความนิยม มักจะเป็นหุ้นสายที่ 2 เพราะสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าดึงดูดในขณะเดียวกัน ก็สามารถสร้างความเจ็บปวดและความเข็ด ให้กับนักลงทุนหน้าใหม่ด้วยเช่นกัน หากนักลงทุนเหล่านั้นไร้ซึ่งจุดแข็งในการเข้าถึงและมีเวลาที่จะ monitor "สาเหตุของกำไร" ได้รวดเร็วกว่าคนอื่นๆ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ขอบคุณครับ
ตอบลบเหมือนเดาใจผมได้เลยอ่ะ ว่าผมจะเลือกสายไหนก่อน